วิวาห์กระหวัดรัก [yaoi : kihae] ตอนที่ 6





ตอนที่ 6


ทงเฮหาววอดอย่างน่าสงสารเพราะวันนี้ตนเหนื่อยกับงานอภิเษกสมรสมาทั้งวัน ยังไม่ทันเสร็จสิ้นงานเลี้ยงฉลองภาคค่ำในท้องพระโรง ร่างระหงก็โดนเหล่านางกำนัลน้อยใหญ่พาตัวมาที่พระตำหนักแห่งใหม่ทันที เสียงต้นไผ่ยามราตรีที่ถูกลมพัดโบกจนเกิดการเสียดสีส่งเสียงไพเราะราวมีผู้บรรเลงพิณฝีมือดีขับกล่อมทงเฮให้รู้สึกพอใจ

วันนี้องค์ชายต้องอยู่ร่วมงานจนกว่างานเลี้ยงจะเสร็จสิ้น ทงเฮผู้เป็นพระชายาจึงต้องกลับมาเตรียมตัวรอถวายงานพระสวามีที่เรือนหอเสียก่อน เจ้าตัวน้อยถูกเหล่านางกำนัลปลดผ้าปิดหน้าซึ่งนั่นสร้างความตกใจให้กับร่างบางมิน้อย แต่เมื่อเหล่านางกำนัลไม่เกิดความประหลาดใจ ทงเฮจึงได้แต่เล่นตามน้ำ

กำยานกลิ่นหวานของพฤกษาพันธุ์ดีถูกเลือกเป็นส่วนผสมในบารายขนาดย่อมเยา ทงเฮค่อยๆหย่อนกายลงไปเบื้องล่างพร้อมมีนางกำนัลตัวน้อยอีกสองนางช่วยกันขัดสีฉวีวันเจ้าร่างระหงเป็นการใหญ่ ขณะแต่งตัวซังกุงร่างท้วมที่ทงเฮไม่เคยเห็นหน้าก็นำสมุดภาพเล่มหนึ่งมาให้ร่างน้อยเป็นของกำนัล

“พระชายาเพคะ...นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ต้องทรงเรียนรู้นะเพคะ...” สีหน้าเจ้าเล่ห์ของซังกุงนางนั้นทำให้ทงเฮรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจนัก แต่สุดท้ายร่างระหงก็รับมันมาอยู่ในมือ นิ้วเรียวสวยคลายปมเชือกเส้นเล็กที่ล้อมรอบหนังสือเล่มนั้นไว้ ก่อนจะค่อยๆเปิดมันออกเบาๆ

ภาพร่วมรักในท่วงท่าต่างๆทำเอาร่างน้อยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หนังสือเล่มนั้นตกจากมือของทงเฮแทบจะทันที แต่เหมือนซังกุงคนนี้จะมีประสบการณ์พอสมควรมือเหี่ยวย่นของนางจึงสามารถรับสมุดภาพเล่มนั้นเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะออกคำสั่งให้เหล่านางกำนัลทั้งหลายออกจากห้องไปให้หมด

“เจ้าต่างหากที่ควรออกไป...” ทงเฮเอ่ยด้วยความไม่พอใจก่อนจะก้มหน้างุดเพื่อหลบซ่อนความแดงก่ำที่อยู่บนดวงพักตร์

“...พระชายาเพคะ...”

“..........”

“พระชายาเป็นคนงาม...ในใต้หล้านี้จะมีใครเทียบเคียงพระองค์นั้นหามีไม่ ต่อแต่นี้เมื่อองค์ชายรัชทายาทขึ้นเป็นจักรพรรดิ เมื่อนั้นพระองค์ก็ต้องเป็นองค์จักรพรรดินีอย่างมิต้องสงสัย...แต่กว่าจะถึงเวลานั้น...เรื่องราวแก่งแย่งชิงดีในวังหลวงมากมายนัก สิ่งที่พระองค์ควรกระทำคือการมัดใจองค์ชายรัชทายาทเสียตั้งแต่เนิ่นๆนะเพคะ...” หญิงเจ้าเล่ห์เอ่ยกระซิบราวหลอกล่อให้ร่างบางหลงเชื่อและติดกับ ทงเฮค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปก้มหน้าตามเดิม

“...ข้าจะสามารถมัดใจองค์ชายได้อย่างไร ในเมื่อการแต่งงานในครั้งนี้ก็เป็นไปเพราะต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรี” ร่างระหงโป้ปดครั้งใหญ่หลวงโดยการสวมรอยเป็นองค์หญิงเสี่ยวเผ่ยจูตัวจริง ประโยคที่ร่างบางเอื้อนเอ่ยเรียกเสียงหัวเราะแหลมหูจากนางซังกุงได้เป็นอย่างดี

“ฝ่าพระบาทโปรดวางพระทัยเถิดเพคะ...ด้วยฝีมือของเกล้ากระหม่อมแล้ว...ไม่ว่าชายใด...ก็อดใจไม่ได้สักราย...” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจในฝีมือของตน ก่อนจะค่อยๆเปิดสมุดภาพคาวโลกีย์ให้เจ้าตัวน้อยดูทีละภาพพร้อมอธิบายประกอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนทำเอาทงเฮได้แต่ฟังไปหน้าแดงไป

หลังเสร็จสิ้นหน้าที่ของนาง ซังกุงดังกล่าวก็ขอตัวกลับและให้เหล่านางกำนัลเข้ามาถวายการรับใช้พระชายาต่อ นางกำนัลเหล่านั้นกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกำยานกลิ่นใหม่ที่หอมเย้ายวนใจยิ่งกว่าเดิม ผิวกายของเจ้าร่างระหงโดนชโลมด้วยกำยานเนื้อละเอียดเหล่านั้น ทำให้เรือนร่างของร่างน้อยในตอนนี้ส่งกลิ่นหอมกระจายราวยืนอยู่ในสุ่มบุปผานานาพันธุ์

เสื้อกั๊กดิ้นทองคำอวดแผ่นท้องแบนราบและสะโพกแน่นเนื้อเป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ทงเฮต้องสวมใส่ กระจกทองเหลืองในห้องสรงน้ำสะท้อนภาพเจ้าสาวผู้โฉมสะคราญที่สุดในใต้หล้า ก่อนที่ร่างระหงจะก้าวขาเข้าไปรอองค์ชายในห้องบรรทม

นางกำนัลทั้งหลายเมื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นก็พากันปิดประตูใหญ่ของพระตำหนักและได้แต่รอคอยอยู่ข้างนอกอย่างรู้หน้าที่ เนื่องด้วยค่ำคืนแรกของการวิวาห์คนที่จะอยู่ในเรือนหอได้มีแต่องค์รัชทายาทและพระชายาของพระองค์

เมื่อต้องอยู่คนเดียว สิ่งที่รบกวนใจของทงเฮในตอนนี้คือสมุดภาพคาวโลกีย์ที่ซังกุงคนเมื่อครู่ยกตนเป็นปรมาจารย์มาสั่งสอนร่างระหงเกี่ยวกับการถวายงานแก่พระสวามี มิรู้ว่าเป็นเพราะสมุดเล่มนั้นมีหลายหน้าหรือเป็นเพราะความต้องการบางอย่างที่ก่อตัวอย่างไร้รูปรอย ร่างกายของทงเฮถึงได้ร้อนลุ่มราวกับนอนทอดกายอยู่บนเปลวไฟขนาดนี้

แม้มิใช่เด็ก...แต่ทงเฮก็ไม่ได้เรียนรู้เรื่องความสุขของผู้ใหญ่มากนัก อย่างที่เห็นๆกันอยู่นอกจากมาเป็นองครักษ์ให้กับเหล่าราชวงศ์ที่วังหลวงแล้ว ทงเฮก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากอยู่เหย้าเฝ้าเรือนกับผู้เป็นมารดา แบบนี้แล้วทงเฮจะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนรู้เรื่องพวกนั้นกัน?

พอได้เรียนรู้จริงๆก็...กับสมุดภาพคาวโลกีย์เมื่อสักครู่นี้ที่ผ่านมานั่นแหละ!

เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยทั้งที่อากาศภายนอกที่พัดผ่านเข้ามาโปร่งสบายจนแทบหนาวเย็น ยอดถันสีเรื่อที่ถูกปกปิดด้วยอาภรณ์ดิ้นทองเริ่มแข็งขืนขึ้นมาทั้งที่ยังไม่มีใครสัมผัสแตะต้องมัน ทงเฮพยายามไม่ใส่ใจแต่ความต้องการของร่างกายกลับเร่งทวีความรุนแรง

แม้ไม่โหมกระหน่ำมาในคราเดียว แต่ก็สร้างความทรมานให้กับทงเฮไม่น้อยเลย

“ยังมินอนหรอกรึ...น้องหญิงของข้า...” คิบอมที่โผล่เข้ามาอย่างได้จังหวะทำให้ทงเฮถึงกับถอยกรูจากปลายเตียงไปนั่งชิดหัวเตียง กลิ่นน้ำจัณฑ์จากร่างกายขององค์ชายทำให้ทงเฮต้องก้มหน้างุดลงเนื่องด้วยกลิ่นเหล่านั้นเป็นการเร่งความต้องการที่อัดแน่นอยู่ในเรือนร่างของทงเฮให้สำแดงฤทธิ์

“มะ..หม่อมฉัน..กำลังจะนอน...”

“กระนั้นหรือ...แต่...ข้ารู้สึกเหนียวตัวมาก...อยากจะให้เจ้าอาบน้ำให้หน่อย...”

“เอ่อ...มิได้เพคะ...หม่อมฉันง่วงนอนมาก ซ้ำยังมิเคยอาบน้ำให้ผู้ใดมาก่อน...อาจจะทำให้พระองค์เคืองพระทัยก็เป็นได้”

“ทำไมข้าต้องไม่พอใจด้วยเหล่า...มิรู้หรือไร..”

“...........”

“แค่เป็นเจ้า...ข้าก็พอใจแล้ว...” ร่างแกร่งนั่งชิดเจ้าร่างน้อยและกระซิบที่ใบหูเล็กของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเป่าลมร้อนใส่ช่วงว่างระหว่างใบหูเพื่อให้ทงเฮรู้สึกปั่นป่วนมากกว่าที่เป็นอยู่

“ยะ...อย่าสิ..เพคะ...” เสียงหวานเริ่มครางอย่างอดใจไม่ได้เมื่อมือกร้านดึงรั้งสะโพกกลมขึ้นจนร่างระหงเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านั่งเป็นท่ายืน ใบหน้าหวานพยายามก้มหลบดวงตาเจ้าเล่ห์ที่ร่างแกร่งมอบให้ แต่ยิ่งหลบมากเท่าไหร่ คิบอมก็ยิ่งรัดตัวเจ้าร่างน้อยให้แนบชิดกับตนมากขึ้นเท่านั้น

“...จะอาบน้ำให้ข้าได้หรือยังนะ...” เจ้าของน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยถาม พลางใช้นิ้วเรียวเกี่ยวตวัดคางเล็กของพระชายาตัวน้อยขึ้นมายลโฉมความงดงามที่ปิดไม่มิด ยิ่งทงเฮแสดงท่าทีเขินอายคิบอมยิ่งถูกใจจนอยากกลั่นแกล้งมากกว่าที่เป็นอยู่

“เอ่อ...ฝ่าบาท...”

“จะอาบให้ข้าหรือยัง...” ร่างแกร่งเฝ้าถามคำเดิมโดยไม่ใส่ใจท่าทีลำบากใจของร่างระหงเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาแน่วแน่ที่ออกแนวบีบบังคับทำให้ทงเฮจำต้องพยักหน้าด้วยความจำใจ

“...ถอดเสื้อให้ข้าสิ...” ร่างบางทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วยความอ้อยอิ่ง แต่ดูท่าวันนี้คิบอมจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงไม่รู้สึกรำคาญใจเลยแม้อีกฝ่ายจะชักช้าก็ตามที

อาจเพราะราตรีนี้ยังอีกยาวนานกระมั่ง...

ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของคิบอมทำเอาร่างระหงต้องหลบหน้าหนีเพราะความเขินอาย คิบอมเองก็พอจะรู้ว่าทงเฮคงไม่ชินตากับภาพเหล่านี้มากนัก ร่างแกร่งจึงกระชับมือบางพาเจ้าตัวน้อยไปยังบารายขนาดย่อมเยาที่ทงเฮเพิ่งใช้สอยไปเมื่อครู่ เสียงน้ำกระจายตัวทำให้ร่างบางรู้ว่าอีกฝ่ายคงลงไปลอยตัวเล่นในน้ำแล้วเป็นแน่

“หันหลังแบบนั้นจะอาบน้ำให้ข้ายังไงนะ...น้องหญิงเนี่ย...” เสียงล้อเลียนทำให้ทงเฮต้องค่อยๆหันใบหน้าหวานไปหาเจ้าของเสียงที่ลอยตัวอยู่ในแผ่นน้ำใสสะอาด ร่างหวานนั่งลงริมบารายก่อนจะหยิบกำยานพฤกษาที่วางอยู่ในตะกร้าเล่านั้นยื่นส่งให้ร่างสูงถึงมือ

แต่เพียงแค่ปลายนิ้วสวยราวดอกปทุมแตะต้องมือกร้านของอีกฝ่าย ร่างสะคราญของเจ้าตัวน้อยก็โดนฉุดกระชากลงไปร่วมสรงน้ำกับผู้เป็นใหญ่ในทันที

อุณหภูมิร้อนของเรือนร่างที่ปะทะเข้ากับความเย็นยะเยือกของกระแสน้ำทำให้ทงเฮถึงกับร้องครางอย่างไม่อาจห้ามใจ อาภรณ์ดิ้นทองที่ร่างเล็กสวมใส่เปียกลู่ผิวกายจนคนขี้แกล้งได้ประจักษ์กับยอดถันเม็ดอิ่มที่ชันตัวขึ้นมาด้วยแรงอารมณ์

หยาดน้ำใสที่สาดกระเซ็นตามเนื้อตัวของเจ้าร่างเล็กค่อยๆไหลรินตามร่องอกบางจนร่างหนายากจะอดใจ มือกร้านกอดรัดรอบสะโพกอิ่มพร้อมเขยิบใบหน้าคมชิดใบหน้าหวานราวร้องขอความเห็นใจ

เพราะคิบอมอยากครอบครอง...ร่างบางที่อยู่ตรงหน้าจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

“อย่านะเพคะ..ฝ่าบาท...” ร่างหวานร้องขอเสียงสั่นพร้อมหยดน้ำเม็ดใหญ่ลอยคลออยู่ในลูกแก้วกลมโต คิบอมไม่รู้ว่าทงเฮโดนอะไรมาเรือนร่างสวยถึงได้ตื่นสัมผัสขนาดนี้ สิ่งเดียวที่คิบอมรู้ในตอนนี้คือต่อให้ทงเฮร้องขอแค่ไหน ร่างแกร่งคงไม่สามารถใจดีปล่อยมือจากร่างบางไปได้อีกแล้ว

“...อย่าอย่างงั้นหรือ...ทั้งที่ร่างกายของเจ้าเรียกร้องสัมผัสของข้าขนาดนี้...”

“...........”

“ยังจะปากไม่ตรงกับใจอีกหรือ...ทงเฮ...” เสียงทุ้มที่กระซิบเบาๆบริเวณใบหูทำให้ทงเฮหน้าแดงจัดอย่างไม่สามารถยับยั้งใจ บารายกว้างที่เปิดโล่งทำให้เห็นแสงจันทราและเหล่าดวงดาราน้อยใหญ่ทอแสงประกายราวเป็นสักขีพยานคืนวันวิวาห์ของเขาทั้งสองคน

“รังเกียจพี่ขนาดนั้นเชี่ยวหรือ...ถึงไม่อยากให้พี่แตะต้องเนื้อกายของเจ้าให้เกิดราคี...”

“มิใช่นะเพคะ...” ร่างบางรีบปฏิเสธคำตัดพ้อของร่างสูง ใครเลยจะกล้ารังเกียจหัวใจของตนเอง แต่ที่ทงเฮไม่อยากให้คิบอมสัมผัสก็เพราะคำว่าตัวแทนมันค้ำคอร่างระหงเอาไว้อยู่

ทงเฮมิใช่องค์หญิง...ร่างบางเป็นเพียงแค่องครักษ์ระดับเจ็ด ใยเลยจะคู่ควรกับองค์ชายรัชทายาทอย่างคิบอม

เมื่อใดที่เสี่ยวเผ่ยจูกลับมา...ทงเฮจะมิอกแตกตายหรอกหรือ?...

“ไม่ใช่...แล้วเพราะเหตุอันใด...เจ้าถึงไม่ยอมรับสัมผัสจากพี่...” ร่างแกร่งถามหาเหตุผลและได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น

ทงเฮไม่อยากพูดและไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว...

จริงอยู่ว่า...การปล่อยใจและความคิดไปตามสัญชาตญาณเป็นการกระทำของสัตว์ป่าเท่านั้น จะเป็นอะไรหรือไม่?...หากทงเฮอยากทำตามสัญชาตญาณของตนเองบ้าง โดยไม่ต้องมาคอยหักห้ามใจหรือคิดถึงความถูกต้อง

เพียงสักครั้ง...ก็ยังดี...

“หม่อมฉันมิเคยรังเกียจพระองค์สักครั้งนะเพคะ...”

“...........”

“ตั้งแต่ตอนนั้นที่เราเจอกัน...ไม่ว่าพระองค์จะจดจำเจ้าเด็กเหลือขอคนนั้นที่บังอาจเข้าไปเล่นในอุทยานได้หรือไม่ได้...ในหัวใจของหม่อมฉัน...ก็มีองค์ชายแค่เพียงพระองค์เดียว...”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น