ตอนที่ 4
อาการเมื่อยขบตามร่างกายเพราะนอนผิดที่ผิดเวลาและน้ำหนักของอะไรบางอย่างที่พาดผ่านบริเวณเอวคอดทำให้ทงเฮค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
ร่างระหงกระพริบตาปริบๆ 2-3
ทีก่อนจะเจออกแกร่งของใครบางคนเป็นทัศนียภาพแรกที่ร่างบางตื่นนอน
ทงเฮเงยหน้าขึ้นก่อนจะเจอกับดวงหน้าคมของผู้ชายที่ตนหลงรักมาตลอดสิบปีลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
ร่างระหงทั้งงงทั้งสงสัยว่าเหตุใดตนถึงได้มานอนหลับในอ้อมกอดขององค์ชายรัชทายาทได้
แถมยังกริ่งเกรงว่าตนจะขยับตัวแรงเกินไปจนเป็นผลทำให้องค์ชายรัชทายาทตื่นจากบรรทม
มือเล็กค่อยๆเคลื่อนย้ายท่อนแขนแกร่งออกอกสะโพกแน่นเนื้อของตนเบาๆ
แต่ยกออกยังไม่ทันสำเร็จ ร่างแกร่งก็ตวัดรัดเจ้าตัวเล็กเข้าหาอ้อมอกของเขาจนแน่นยิ่งกว่าคราแรกเสียอีก
ทงเฮเบิกตากว้างด้วยความตกใจซ้ำยังรู้สึกหายใจไม่ออกเพราะร่างสูงชักจะกอดแน่นเกินไป
“..น้องหญิง...”
เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยอย่างงัวเงียก่อนจะซุกใบหน้าหล่อร้ายเข้าหาซอกคอหอมกรุ่นของพระคู่หมั้นกำมะลอที่ได้แต่นอนตัวแข็งให้สามีจำแลงทั้งสูดทั้งดมความหอมหวานจากเรือนกาย
เจ้าตายแน่...ลีทงเฮ!
ร่างหวานนึกอย่างมืดมนไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี
ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
แต่อีกใจหนึ่งก็เปรมปรีดิ์เสียเหลือเกินที่ตนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายผู้เป็นที่รัก
เพียงแค่คิบอมซุก...หัวใจของเจ้าตัวน้อยก็แทบจะทะลุออกจากอกมาวิ่งเต้นภายนอก
แล้วนี่องค์ชายคนดียังเลื่อนจมูกโด่งได้รูปมากดจูบลงบนแก้มเนียนของร่างบางอีก
แบบนี้หัวใจของทงเฮไม่ต้องหยุดเต้นเพราะทำงานหนักเกินไปเลยหรอกหรือ?
“...กลิ่นหวานจัง...”
ร่างแกร่งเอ่ยชมก่อนจะยอมเงยหน้าจากกลิ่นกุหลาบพันธุ์ดีที่ตนกำลังดอมดมอยู่
คนหน้าหนาบิดขี้เกียจพร้อมหาวนอนเบาๆ ก่อนจะปล่อยทงเฮให้เป็นอิสระ
“ถึงเวลาอาหารเย็นพอดีเลยล่ะ...เราไปกินข้าวกันดีกว่านะน้องหญิง...”
ร่างแกร่งเอ่ยชวนพลางหยิบผ้าคลุมหน้าที่ทงเฮแน่ใจว่าตนคลุมมันก่อนนอนแล้วแน่ๆขึ้นจากกองหนังสือมาปกปิดความงามของร่างบางดังเดิม
แล้วพาเจ้าตัวน้อยออกไปยังห้องบรรทมของตนเพื่อเสวยอาหารมื้อเย็น
ตลอดเวลาอาหารทงเฮไม่ยอมพูดกับคิบอมแม้แต่คำเดียว
แม้ร่างแกร่งจะพยายามชวนคุยมากแค่ไหนทงเฮก็จะตอบคำถามในลักษณะถามคำตอบคำเท่านั้น
พอเสร็จเวลาอาหาร ร่างบางก็ขอตัวออกมาเดินเล่นในอุทยานทันที
ยังไม่ทันครบสามวันที่ทงเฮมาใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักรัชทายาทแห่งนี้
เนื้อตัวของร่างบางก็โดนร่างแกร่งหาเศษหาเลยเอากำไรจนร่างระหงขาดทุนทั้งต้นทั้งดอก
แม้ครั้งละไม่มากแต่พอรวมกันหลายๆครั้งเข้า ทงเฮก็แทบจะปล่อยโฮออกมาให้ได้
สัมผัสบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจเด่นชัดจนเจ้าร่างเล็กไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาให้อนาคต
ปกติหัวใจเจ้ากรรมของทงเฮก็ยินยอมที่จะมอบให้เพียงแค่คิบอมอยู่แล้ว
พอได้ใกล้ชิดตลอดเวลาแบบนี้ร่างบางยิ่งถวิลหาความรักของอีกฝ่ายเหมือนกัน
ใครจะบอกทงเฮว่าความรักคือการเสียสละยังไงก็ช่าง...สำหรับทงเฮแล้วความรักของตนคือการได้รับรักตอบแทนเท่านั้น
เมื่อไหร่องค์หญิงเผ่ยจูจะกลับมาเสียที!
ร่างบางคิดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
เพราะทงเฮรู้ตัวดี...ยิ่งอยู่ใกล้คิบอมมากเท่าไหร่
หัวใจของทงเฮยิ่งอยากครอบครองคิบอมมากขึ้นเท่านั้น นี่ขนาดไม่ได้นอนร่วมห้องเพราะยังไม่ทันเข้าพิธีวิวาห์ความต้องการบางอย่างก็ก่อตัวจนไม่สามารถอธิบาย
หากผ่านพ้นวันอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้ไปและได้นอนร่วมหอกันแล้วล่ะก็...
ทงเฮไม่แน่ใจนักว่าความต้องการที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้...จะสำแดงฤทธิ์เดชออกมาขนาดไหน?
“มานั่งพิงต้นหูกวางนี่ทำไมเล่าน้องหญิง...เหตุใดเจ้าไม่ไปชมความงามของดอกกุ้ยฮวาที่กำลังแย้มบานตรงนู่นเล่า”
องค์ชายรัชทายาทที่ไม่รู้โผล่หัวมาจากไหนตรัสถาม
ก่อนจะโน้มตัวลงนอนตักของร่างบางทันที
โดยไม่ถามความคิดเห็นของเจ้าของตักเลยแม้แต่น้อย
“หม่อมฉัน...กำลังจะลุกพอดีพะยะค่ะ...”
ร่างบางโป้ปดเป็นว่าเล่น ก่อนจะค่อยๆดันศีรษะของร่างแกร่งออกจากตักของตนเพื่อให้ตนสามารถลุกขึ้นยืนได้
แต่ยังไม่ทันก้าวขามือกร้านของคิบอมก็ดึงกระชากมือเล็กจนร่างน้อยล้มคะมำลงไปในอ้อมกอดของอีกฝ่ายทันที
“ใครอนุญาตให้เจ้าใช้หางเสียงแบบนั้นกัน
ตอนนี้เจ้าเป็นพระคู่หมั้นของข้า เจ้าควรจะเอ่ยวาจาหวานๆเอาอกเอาใจข้าบ้าง
ไม่อย่างนั้นก็นั่งนิ่งๆให้ข้านอนหนุนตัก
มิใช่ผลักหัวข้าออกอย่างที่เจ้าทำเฉกเช่นเมื่อครู่ที่มาผ่าน”
ร่างสูงขึ้นเสียงดุจนร่างบางต้องก้มหน้างุดด้วยความกลัว
พอเห็นท่าทีขี้ขลาดที่ร่างระหงแสดงออกมาความไม่พอใจเมื่อครู่ก็ปราศจากหายไปจากใจของคิบอมแทบจะทันที
“หม่อมฉันขอประทานอภัย...เพคะ...”
ร่างบางร้องเสียงสั่นก่อนจะยกมือขึ้นมาดันไหล่กว้างเพราะร่างบางของตนและร่างหนาของอีกฝ่ายชักจะแนบชิดสัมผัสมากเกินไปเสียแล้ว
“ไม่ให้อภัย...”
คิบอมเอ่ยเสียงแข็งพลางมองริมฝีปากสีทับทิมของอีกฝ่ายไม่วางตา
ตอนนี้ร่างสูงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
หากเรียกร้องจะเอาความหวานจากกลีบเนื้อสีอิ่มของเจ้าร่างระหงในตอนนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือเปล่า?
ร่างแกร่งคิดอย่างใช้เหตุใช้ผล
แต่แล้วความต้องการด้านอารมณ์ก็สามารถเอาชนะทุกอย่าง
ให้มันรู้ไปสิว่า...วันนี้ทงเฮจะไม่เสียจูบให้กับองค์ชายเจ้าเล่ห์อย่างคิบอม
“หม่อมฉัน...ขอประทานอภัยเพคะ...ท่านพี่คิบอม...”
แม้จะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คิบอมรู้สึกพอใจแค่ไหน
ร่างแกร่งก็ยังคงตีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ร่างบางพยายามเอ่ยอีกหลายต่อหลายครั้ง
แต่ร่างสูงยังคงไม่สนใจจนหยดน้ำเม็ดเล็กเริ่มปริ่มๆบริเวณลูกแก้วกลมโต
“จะให้หม่อมฉันทำอะไรหม่อมฉันยินยอมทุกอย่างขอแค่พระองค์ให้อภัยหม่อมฉัน...”
“เจ้าพูดเองนะว่ายินยอมทุกอย่าง...”
ร่างแกร่งเอ่ยแทรกก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยจบประโยคดี
ทงเฮเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยความงุดงง ก่อนจะพยักหน้ารับความเบาๆ
“เพคะ...อ๊ะ!” ลำคอละหงเค้นเสียงหวานได้เพียงนิดน้ำเสียงทั้งหมดของทงเฮก็จางหายไป
ความร้อนระอุจากริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ประกบทับลงมาบนส่วนเดียวกันของเจ้าตัวน้อย
ทำให้ทงเฮทำอะไรไม่ถูก
มือกร้านที่ลูบวนสะโพกนุ่มมือเมื่อครู่เคลื่อนย้ายขึ้นมาบีบกระพุ่งแก้มเล็กให้โพรงปากของร่างน้อยแยกออกจากกัน
ก่อนจะส่งเรียวลิ้นร้ายเข้าไปเกาะเกี่ยวความหอมหวานที่อยู่ภายใน
เจ้าร่างระหงที่อยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงหน้าแดงก่ำจนไม่รู้จะแดงอย่างไร
มือบางที่ดันอกแกร่งไว้เมื่อครู่กลายเป็นวางทับเอาไว้เฉยๆ
ก่อนที่ความต้องการของหัวใจจะร้องบอกร่างกายของทงเฮให้ยินยอมเกี่ยวตวัดปลายลิ้นเล็กของตนสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียวกับปลายลิ้นสากของคิบอม
“อะ..อื้อ..ฝ่าบาท...” เสียงเล็กครางร้องทันทีที่คิบอมถอดถอนจุมพิตออก
สายตาคู่หวานของเจ้าตัวน้อยแทบปรือปิดราวเย้ายวนให้คิบอมลิ้มรสหวานที่ตนเพิ่งสัมผัสเมื่อครู่อีกครั้ง
สุดท้ายแล้วความต้องการของร่างกายก็สามารถเอาชนะสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลและความถูกต้องได้ทั้งมวล
แค่จูบมันจะเพียงพอกระนั้นหรือ?...
ร่างแกร่งนึกถามตนเองก่อนจะดันเจ้าร่างระหงลงนอนกับพื้น
คิบอมถอดผ้าคลุมลายมังกรของตนรองรับร่างของเจ้าตัวน้อยออกจากพฤกษาและวัชพืชพันธุ์เล็กที่ปกคลุมไปทั่วอุทยาน
ก่อนจะปลดผ้ารัดเอวของทงเฮออกเพื่อสัมผัสเนื้อแท้ที่อยู่ภายใน
“อย่านะเพคะ...ฝ่ายบาท...”
เสียงหวานที่ร้องห้ามไม่อาจหยุดยั้งไฟราคะที่โหมกระหน่ำเข้ามาในจิตใจขององค์ชายรัชทายาทได้เลย
ปลายจมูกโด่งได้รูปกดแนบลงบนซอกคอระหงก่อนริมฝีปากร้อนจะดูดดึงซอกคอขาวให้ขึ้นรอยราคีจนสาแก่ใจ
ปลายนิ้วเรียวบดขยี้ยอดถันเต่งผ่านเอี๊ยมตัวน้อยกระนั้นความต้องการที่ร้อนระอุก็ยังไม่เพียงพอ
ปากร้อนที่ละเลงเลียเนื้อผิวเนียนถอนร่นไปเค้นคลึงปทุมอิ่มผ่านเนื้อผ้าจนทงเฮร้องครางอย่างไม่อาจยับยั้งใจ
“ฮึก..อ๊ะ...ฝ่าบาท...อย่า...”
ร่างน้อยยังคงมีความหวังที่จะหยุดยั้งการกระทำขององค์ชายรัชทายาท แม้จะรู้ดีว่าความหวังเหล่านั้นช่างลิบหรี่เต็มที
จริงอยู่ที่ทงเฮเองก็เป็นบุรุษเพศเช่นกันแถมเป็นถึงองครักษ์ระดับเจ็ด
แต่นั่นก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าร่างระหงจะสามารถสู้แรงของคนที่ตัวใหญ่กว่าได้
ยิ่งเป็นคนที่หัวใจเรียกร้องทงเฮยิ่งอยากหลับหูหลับตาทำทีเฉยไปเสีย
แต่เพราะใบหน้าหวานขององค์หญิงเสี่ยวเผ่ยจูที่ลอยเด่นขึ้นมาทำให้ทงเฮต้องพยายามหยุดยั้งเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้จงได้
เพราะเมื่อไหร่ที่เสี่ยวเผ่ยจูกลับมา
ทงเฮก็ต้องกลับไปเป็นองครักษ์ตามเดิม มิสามารถถวายงานให้คิบอมได้เพราะตนไม่ใช่พระคู่หมั้นที่แท้จริง
เพียงนึกถึงฐานะของตน
น้ำตาก็พลาดจะไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยเสียให้ได้
ทงเฮรู้ดีว่ามีผู้ชายหลายคนถวายงานให้เหล่าเชื้อพระวงศ์จนกลายเป็นเรื่องปกติ
ความจริงขอเพียงแต่เจ้านายพอใจใครไม่ว่าจะอ้ายหรืออีคนไหนก็ต้องทำตามคำสั่งกันทั้งนั้น
แต่ทงเฮเป็นองครักษ์...มิได้เกิดมาเพื่อเป็นของเล่นของใคร หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งทงเฮก็ไม่ขอร่วมเสพสังวาสกับใครหน้าไหนทั้งนั้น!
อกบางที่สั่นสะท้านราวพยายามสกัดกั้นอะไรบางอย่างทำให้คนที่กำลังมัวเมาในกามกิจชะงักค้างการกระทำของตน
เนื้อกายหอมกรุ่นที่โผล่พ้นจากเสื้อผ้าหลุดลุ้ยไม่อาจเรียกความสนใจได้เท่าหยาดน้ำเม็ดโตที่ไหลรินจากดวงตาคู่หวาน
ความสำนึกผิดหลั่งรินเข้ามาในจิตใจของคิบอมจนเผลอปล่อยมือจากลูกกวางน้อยวัยกำดัดที่กำลังหวาดกลัว
ร่างระหงรีบกอบโกยเสื้อผ้าเนื้อดีมาปิดบังร่างกายของตนให้พ้นจากสายตาของอีกฝ่าย
ก่อนจะนั่งหันหลังให้กับร่างแกร่งเพื่อใส่เสื้อผ้าให้กับตนเองด้วยความรวดเร็ว
“ข้าขอโทษ...”
ร่างแกร่งกระซิบอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินจากไปเงียบๆทิ้งให้ทงเฮนั่งนิ่งอยู่เพียงคนเดียว
คิบอมรู้ดีว่าหากอยู่ใกล้ทงเฮต่อไป
ไม่วายที่ตนจะต้องกระชากร่างบางลงนอนกับพื้นแล้วย่ำยีทุกความงามที่เป็นทงเฮจนหมดสิ้น
อารมณ์เพียงอย่างเดียวสามารถเอาชนะได้ทุกอย่างขนาดนี้เชียวหรือ?...
ไม่หรอก...มิใช่แค่อารมณ์อย่างเดียวแน่
เพราะคิบอมรู้จักตนเองเป็นอย่างดี
เขาไม่ใช่คนที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความนึกคิดอย่างเช่นการกระทำเมื่อครู่นี้เลย
ไม่เคยเลย...กระทั่งได้เจอทงเฮ...
ทั่งที่องค์หญิงเผ่ยจูเองก็อยู่ในตำหนักรัชทายาทอีกทั้งร่วมใช้ชีวิตกับคิบอมบ้างบางครั้งบางคราว
อิสตรีผู้เพียบพร้อมเช่นนางยังมิสามารถมัดใจองค์ชายรัชทายาทอย่างเขาได้เลย
ลีทงเฮ...เจ้าเป็นใครกันแน่นะ?...
ทำไมเจ้าถึงสามารถปัดป่วนจิตใจของข้าได้ถึงขนาดนี้...
ร่างแกร่งครุ่นคิดขณะกลับเข้ามายังห้องบรรทม
ความหอมหวานที่ตนเพิ่งได้รับเมื่อครู่ยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก
จนร่างหนาเผลอเลียความหวานที่ติดอยู่บนกลีบเนื้อของตนจนหมดสิ้น ดูท่าสิ่งที่คิบอมกระทำไปเมื่อครู่นี้คงทำให้ร่างบางหวาดกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว
ก็ทงเฮน่ะ...ทั้งบอบบางทั้งหอมหวาน...ลองได้อยู่ใกล้ชายคนไหนใครเขาจะไปอดใจได้
คิบอมนึกโทษร่างน้อยอย่างไม่ดูเหตุและผล
คนจะเกิดมาสวย...ใครเลยจะสามารถห้ามลิขิตแห่งสวรรค์!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น