ตอนที่ 8
วันนี้ตะวันโด่งขึ้นฟ้า
เจ้าร่างน้อยจึงได้รู้สึกตัว
ทงเฮรู้สึกผิดอยู่บ้างที่วันนี้ตนทำตัวเป็นคนสันหลังยาวนอนกินบ้านกินเมืองตลอดช่วงเช้า
และฟื้นคืนจากนิทราในช่วงบ่าย แต่เพราะอาการเมื่อยขบตามเนื้อกายนี่แหละที่ทำให้ร่างบางไม่อาจโงหัวขึ้นจากที่นอน
ผ้าห่มลายหงส์นภาดิ้นทองที่ปกคลุมร่างกายของทงเฮไว้
ถูกเจ้าตัวถลกผ้าห่มดังกล่าวออก โชคดีที่ตอนนี้ร่างน้อยมีเสื้อนอนสวมใส่ไว้ภายใน
ไม่อย่างนั้นทงเฮคงมองหน้านางกำนัลที่กุลีกุจอเข้ามาในห้องบรรทมไม่ติด
“จะสรงน้ำก่อนหรือเสวยกระยาหารก่อนดีเพคะ...”
“อาบน้ำ...”
เสียงหวานที่ค่อนข้างแหบแห้งของทงเฮเอ่ยบอก ก่อนจะสาวเท้าไปทางบารายหลังตำหนัก
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนรุกเร้าเข้ามาในหัวจนร่างบางหน้าแดงก่ำกับเรื่องที่เกิด
ยิ่งเหล่านางกำนัลปลดเปลื้องอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่อยู่บนเรือนกายของร่างน้อยออก
รอยราคีที่เกิดจากน้ำมือหน่อเนื้อมังกรก็ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนทันที สิ่งนี้เองทำให้ร่างบางออกคำสั่งให้เหล่านางกำนัลน้อยใหญ่ที่รอถวายงานออกจากบารายแห่งนี้ไปให้หมด
ทงเฮอายเหลือเกิน...อายกับ...สิ่งที่เกิด...
ลูกแก้วกลมโตค่อยๆไล่มองไปตามเนินเนื้อนิ่มของตน
ยอดถันที่ปกติสีอมทับทิมบัดนี้แดงก่ำเพราะถูกบีบเฟ้นและดูดกลืนราวหยอกเย้าจากร่างแกร่ง
เรียวขาสวยเป็นรอยแดงจ้ำพอฉีกขาเรียวออกน้ำข้นเหนียวบางอย่างก็ทะลักออกจากร่องสวยทันที
ของกำนัลจากโอรสสวรรค์มากเกินไปจนเรียวขาสวยเหนอะหนะอย่างไม่สบายตัว
ร่างบางค่อยๆก้าวขาลงไปในบารายเพื่อชำระล้างสิ่งที่คิบอมทำทิ้งไว้เมื่อคืนวาน
พอนิ้วเรียวสวยราวกลีบบุปผาลากผ่านไปทางไหน มโนสำนึกของทงเฮก็มักจะเห็นเป็นมือกร้านของอีกคนลูบไล้ไปตามเนื้อกายของตน
“ฮึก...ฝ่า..บาท...” เสียงหวานร่ำร้องหาร่างหนายามที่นิ้วเรียวของตนสอดลึกเข้าไปในร่องช้ำ
ทงเฮขบกัดริมฝีปากอิ่มไว้เพราะความเจ็บราวสะโพกแตกออกเป็นเสี่ยงตรงเข้าเล่นงาน
แต่ที่ร่างระหงต้องสอดนิ้วของตนเข้าไปแบบนี้ก็เพื่อเป็นการล้างเอาคราบความใคร่ที่คิบอมทำทิ้งไว้ออกมาให้ตนรู้สึกสบายตัว
โชคดีที่สมุดภาพเมื่อวานสอนวิธีทำความสะอาดไว้ด้วย
ไม่อย่างงั้นทงเฮคงต้องรู้สึกไม่สบายตัวแบบนี้ต่อไปเป็นแน่
นิ้วเรียวชักออกจากปากทางรักของตนพร้อมน้ำนมสีขาวขุ่นอมแดงคล้ำ
หยาดบริสุทธิ์ที่ทงเฮเสียไปเมื่อคืนวานไม่อาจเรียกร้องคืนมาได้ เพราะร่างระหงยิ่งกว่าเต็มใจมอบสิ่งนั้นให้แก่องค์ชายรัชทายาท
จะมานึกเสียใจได้อย่างไร...ในเมื่อทงเฮเลือกที่จะให้อย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
หลังชำระคราบไคลเสร็จ
สิ่งที่คงเหลือบนตัวของทงเฮคือร่องรอยแห่งราคี
ใบหน้าหวานหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดขณะก้าวขาขึ้นมาจากบาราย เหล่านางกำนัลที่รอรับใช้แทบจะเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่มิด
สายตาของพวกนางทำเอาทงเฮอยากจะขับไล่ออกไปให้พ้นหูพ้นตา
แต่ร่างระหงไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพอตนได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทก็แสดงอำนาจข่มเหงผู้อื่น
“เมื่อคืนวานหม่อมฉันรอรับใช้อยู่ภายนอกจนรุ่งเช้า...”
“........”
“ฝ่าบาททรงดูแลพระองค์ก่อนจะออกไปด้วยนะเพคะ...”
เป็นครั้งแรกที่นางกำนัลในตำหนักแห่งนี้เอ่ยกับทงเฮ
และเป็นประโยคที่ไม่รื่นหูของร่างบางเอาเสียเลย เจ้าร่างน้อยจึงเอาแต่เงียบงัน
นางกำนัลเองก็รู้ตัวดีว่าเอ่ยสิ่งที่ทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจเข้าเสียแล้ว
นางจึงได้ชวนคุยอย่างอื่น
“วันนี้มีของโปรดของพระองค์ด้วยนะเพคะ”
“อืม...ข้าหิวแล้ว...”
ทงเฮเอ่ยเสียงเรียบค่อยให้นางกำนัลใจชื้นขึ้นมาบ้าง หลังแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ
ร่างระหงก็โดนพาตัวมายังห้องบรรทมที่ถูกทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมแตกต่างจากเมื่อวานลิบลับ
นิ้วเรียวค่อยๆจับช้อนไม้เข้าประคองในมือบาง
จริงอย่างที่นางกำนัลว่า...ทุกอย่างล้วนเป็นของโปรดของทงเฮทั้งนั้น
แถมรสชาติของมันยังละม้ายคล้ายคลึงกับฝีมือของฮูหยินลีผู้เป็นแม่ของเจ้าร่างน้อยคนนี้อีกด้วย
ยิ่งกินหยดน้ำตายิ่งเกาะขอบลูกแก้วกลมโตของทงเฮ ความคิดถึงและความเหนื่อยใจทำให้ร่างหวานนึกถึงผู้เป็นมารดาขึ้นมาติดหมัด
“น้องหญิงขี้แงจริงๆ...อยากให้พี่ช่วยปลอบโยนเจ้าเช่นเมื่อคืนวานอีกหรืออย่างไรกันนะ...”
เสียงทุ้มพร้อมท่าทีกระหลิมกระเหลียงของคิบอมทำให้ทงเฮตื่นจากภวังค์
ยังไม่ทันที่ร่างระหงจะยกชายเสื้อขึ้นเช็ดหยดน้ำตาออกจากลูกแก้วกลมโตของตน
ริมฝีปากร้อนผ่าวของอีกฝ่ายก็ซับหยดน้ำเหล่านั้นอย่างอ่อนโยนให้แก่ร่างบางเสียแล้ว
“ร้องเรื่องอะไร...ใครทำให้เจ้าไม่พอใจอย่างงั้นหรือ?...บอกพี่มาสิ...พี่จะจัดการให้เจ้าทุกอย่างเลย...”
“....หม่อมฉันมิได้ไม่พอใจอะไรเพคะ...เพียงแต่...คิดถึงท่านแม่เท่านั้น...”
เสียงหวานที่เอ่ยตอบเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเจ้าของใบหน้าคมได้เป็นอย่างดี
สายตาสีเข้มจ้องมองอิริยาบถของเจ้าตัวน้อยด้วยความหลงใหลไม่เว้นแม้แต่ปลายผมทุกเส้น
จริงอยู่ที่ตอนนี้ทงเฮอยู่ในโหมดเศร้า แต่ไม่รู้ทำไมคิบอมกลับเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของร่างบางกำลังเรียกร้องให้ร่างแกร่งปกป้องคุ้มครอง
“โธ่...น้องหญิงคนดี...การที่เจ้าออกเหย้าออกเรือนมาขนาดนี้...ย่อมคิดถึงบุพการีเป็นธรรมดา
ไว้เรากลับจากหมู่บ้านนายองเมื่อไหร่...ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมครอบครัวสักครานะ...”
เพราะร่างแกร่งหลุดชื่อหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญออกมา
ร่างน้อยจึงแสดงอาการงุดงงมากกว่าจะดีใจกับสิ่งที่คิบอมเอ่ยเมื่อครู่
ใบหน้าหวานเอียงนิดๆอย่างไม่เข้าใจพร้อมสายตากลมแป้วยิ่งทำให้คิบอมนึกเอ็นดู
หากมิใช่เพราะคำสั่งขององค์จักรพรรดิว่าห้ามแตะต้องทงเฮอีกจนกว่าจะทำพิธีกรรมบางอย่างในหมู่บ้านนายองจะเสร็จสิ้นละก็...มีหวังคิบอมคงจับกดร่างระหงต่อหน้าธารกำนัลเสียตอนนี้เป็นแน่
อย่าหวังล่ะว่าคิบอมจะอาย...ความรู้สึกเหล่านั้นมันมิเคยมีความความทรงจำของเขาหรอก!
“ไปนายอง...ทำไมรึเพคะ...”
“เสด็จพ่อต้องการให้เราไปดูความเป็นอยู่ของหมู่บ้าน
ก่อนที่พี่จะขึ้นครองบัลลังก์น่ะ...”
ร่างแกร่งเล่าความเท็จเพราะไม่ต้องการให้ทงเฮรู้เหตุผลที่แท้จริง
จะว่าคิบอมหลอกร่างระหงอีกกระทงหนึ่งก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่
“..แต่...หมู่บ้านที่ยังลำบากอยู่มิได้มีแค่นายองนิเพคะ...เหตุใดต้องไปที่นายองด้วยเพคะ...”
“เพราะมันเป็นบ้านเกิดของแม่พี่อย่างไรเล่า...”
คิบอมไหลต่ออย่างไม่มีสะดุด แต่ที่ร่างแกร่งว่าเป็นบ้านเกิดของแม่ตนเองนั้น
คิบอมมิได้โป้ปดแต่อย่างไร
“อือ...เพคะ...” หลังสิ้นข้อสงสัยร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไป
ทิ้งให้ร่างใหญ่ได้แต่เฝ้ามองทุกการกระทำที่เป็นเจ้าร่างน้อยอย่างจำเริญตา
......................................................................................................
หลังเดินทางตลอดสามวันสามคืนและพักแรมในหมู่บ้านอีกหนึ่งคืน
เช้าวันต่อมาองค์ชายรัชทายาทก็พร้อมที่จะทรงงานทันที
ช่วงเช้าตรู่ร่างแกร่งลงสำรวจบริเวณเพาะปลูกของชาวบ้านพร้อมแนะนำวิธีการหว่านไถเมล็ดพันธุ์ให้ได้ผลผลิตที่ดี
พระชายาของพระองค์เองก็เข้าไปช่วยเหล่ามารดาเลี้ยงบุตรและดูงานเหล่าเครื่องจักรทอสานอันเป็นงานหัตถกรรมพื้นเมือง
พอทงเฮลองประดิษฐ์ของชำรวยง่ายๆและทอผ้าจากขนสัตว์แล้ว
ร่างระหงก็ให้ความสนใจไปยังเด็กทารกที่กำลังหลับสนิทในอ้อมอกของผู้เป็นแม่แทบจะทันที
ท่าทีของเด็กคนนั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทงเฮได้เป็นอย่างดี จนร่างน้อยต้องเอ่ยปากขออุ้มเจ้าทารกจากนางผู้เป็นมารดา
“...เขาชื่ออะไร...”
ร่างบางถามขณะโอบอุ้มร่างเล็กแบเบาะด้วยความอ่อนโยน
“...แจฮุคเพคะ...พระชายา...”
“อืม...แจฮุค...เจ้าต้องเป็นเด็กดี...”
มือบางของร่างระหงลูบศีรษะเล็กของทารกเบาๆ
ก่อนที่เอวบางของตนจะถูกผู้เป็นสวามีกอดรัดเอาไว้จากทางข้างหลัง อาลามตกใจทำให้ทงเฮเกือบทำเด็กหลุดจากมือ
โชคดีที่มือกร้านของคิบอมสอดรับเอาไว้ได้ทัน
“...เด็กนี้ก็น่ารัก...แต่คงไม่สู้ลูกของเราหรอก...เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
ร่างแกร่งเอ่ยถามหญิงสาวผู้เป็นแม่ของแจฮุค และได้รับคำตอบที่น่าพึงใจ
“เพคะองค์ชาย...ลูกขี้ข้าอย่างเจ้าแจฮุคนี้...มีหรือจะสู้บุตรของโอรสสวรรค์อย่างพระองค์ได้...”
แม้รูปประโยคจะดูประชดประชันไปบ้าง
แต่ใจจริงของนางมิได้หมายความว่าอยากจะลองดีกับหน่อเนื้อมังกรแม้แต่น้อย
เพียงแต่นางเป็นเพียงชาวไร่ชาวสวน
มิสามารถเรียบเรียงคำพูดหวานหูไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“...หม่อมฉันมีลูกให้ใครไม่ได้...”
ทงเฮตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
แต่มีด้วยหรือที่พอเหยื่อติดกับผู้เป็นราชสีห์แล้ว
เจ้าป่าจะยอมปล่อยให้เหยื่อหลุดมือ
“...ทหารเตรียมม้าหลวงมาตัว...ข้าจะไปเที่ยวเล่นกับเมียของข้า”
ร่างแกร่งจงใจเน้นคำที่แสดงความสัมพันธ์ให้ร่างระหงหน้าแดงเล่น
ก่อนจะดึงรัดข้อมือเล็กของร่างน้อยไปยังม้าหลวงที่เหล่าองครักษ์เตรียมการได้ทันใจผู้เป็นนาย
คิบอมขึ้นอาชาตัวเก่งด้วยท่วงท่าสวยงาม ก่อนจะคว้าเจ้ายาใจขึ้นมาแนบอกของตน
สายตาเจ้าเล่ห์ที่ร่างแกร่งใช้มอง
ทำอย่างไรทงเฮก็ไม่ชินกับมันเสียที
ร่างน้อยก้มหน้างุดหลบหนีความร้ายกาจของอีกฝ่ายก่อนที่อาชาตัวเก่งที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจะออกตัวด้วยความรวดเร็ว
การเดินทางในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่ตอนนี้มีเพียงคิบอมและทงเฮสองคน
มิได้มีเหล่านางกำนัลและองครักษ์ตามรับใช้ ร่างน้อยโดนคนตัวโตกว่าเอาเปรียบทางร่างกายโดยการเบียดกระแสะร่างของเขาเข้าแนบชิดความหอมหวานของร่างบาง
จนทงเฮต้องใช้มือบางยันอกแกร่งของคิบอมเอาไว้
ด้วยไม่อยากให้ร่างกายของตนและของร่างหนาแนบชิดกันมากกว่าที่เป็นอยู่
“เบียดแค่นี้ก็ต้องหวง...คืนนั้นทำมาตั้งเท่าไหร่ไม่เห็นเจ้าจะหวงขนาดนี้เลย...”
เสียงเข้มเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะชะลอความเร็วของอาชาตัวเก่งให้กลายเป็นการเดินเยาะเพียงเท่านั้น
สถานที่ๆคิบอมกำลังจะไปใกล้เข้ามาทุกที
ร่างแกร่งจึงอยากยืดเวลาที่จะได้อยู่กับเจ้าตัวน้อยออกไปอีกนิด
“อย่าตรัสเรื่องน่าอายเหล่านั้นออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติสิเพคะ...”
“...ผัวจะร่วมสังวาสกับเมีย...มิเห็นผิดปกติตรงไหน...”
“ฝ่าบาท!...นี่หม่อมฉันจะโกรธพระองค์จริงๆนะเพคะ...”
ร่างระหงขึ้นเสียงนิดๆ
ก่อนที่คางเล็กจะถูกนิ้วเรียวของร่างหนาตวัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าหวานที่กำลังแดงก่ำ
ทั้งที่ร่างน้อยขึ้นเสียงใส่
แต่ร่างสูงกลับไม่นึกโมโหสักนิด หากมิใช่ทงเฮป่านนี้คิบอมคงสั่งเอาตัวไปประหารไม่ให้มีหน้ามาเผยอให้คิบอมเห็นแล้ว
“...เจ้ามีสิทธิ์โกรธพี่หรือเปล่านะ...เจ้าแก้มย้อย...”
เจ้าของนิ้วเรียวบีบแก้มนุ่มของลูกไก่ในกำมือของตน จนผู้ถูกกระทำร้องครางด้วยความเจ็บปวด
พอร่างเล็กทำท่าจะเอาคืน
มือหนาของคิบอมก็จัดการรวบมือบางของร่างระหงเอาไว้อย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย
“โอ๊ย!...หม่อมฉันเจ็บนะเพคะ...”
“...ลองหาวิธีอ้อนให้พี่หยุดบีบแก้มของเจ้าสิ...ทงเฮ...คิดหนักๆหน่อยนะ...เพราะถ้าคิดไม่ออก
พี่ก็จะบีบแก้มเจ้าอย่างนี้...”
สิ้นคำมือกร้านของร่างสูงก็ดึงแก้มนุ่มของเจ้าร่างเล็กทันที
วิธีอ้อนขอให้หยุดบีบกระนั้นหรือ?...มีแต่วิธีที่ทำให้ทงเฮเสียเปรียบล่ะสิไม่ว่า!
ทงเฮคิดอย่างคับแค้นใจ
แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อความเจ็บกำลังตรงเข้าเล่นงาน ร่างบางจับมือหนาอย่างเบามือก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงหวานอย่างออดอ้อนออเซาะผู้เป็นสวามี
“...หม่อมฉันเจ็บเจียนตายท่านพี่คิบอมจะมิกรุณาหม่อมฉันบ้างหรือเพคะ...”
ร่างระหงเอ่ยถามพร้อมกระแสะตัวเข้าหาร่างแกร่งของอีกฝ่าย แบบนี้ก็ได้ใจคิบอมไปเต็มๆ
แต่คนเจ้าเล่ห์แถมได้คืบจะเอาอีกศอกอย่างเขา แค่นี้มันไม่พอหรอก
“...อยากจะกรุณาพระชายาคนสวยอยู่หรอก...แต่พี่มีวิธีให้เจ้าอ้อนอยู่สองวิธี...”
“..........”
“...ระหว่างหนึ่ง...เสียจูบ...”
“.........”
“กับสอง...เสียตัวของเจ้าให้พี่ได้เชยชม...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น